| 
  
         
          | อาการปวดท้อง ระหว่างมี ประจำเดือน  (2.3/10) |   
          |   |   
          |  
              
                 
                  |  |   
                  |  
                      
                         
                          | 
                               
                                | | อาการปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน (Dysmenorrhea) หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะไม่สบายตัวเสมอเมื่อถึงวันนั้นของเดือน ก็คงไม่แปลกนักครับเพราะสาวๆ กว่าครึ่งค่อนโลกที่อยู่ในวัยมีประจำเดือน มักจะเกิดอาการปวดเนื้อเมื่อยตัว โดยเฉพาะปวดบริเวณท้องน้อย หรือเป็นตะคริว ซึ่งมักจะเป็นมากในช่วงวันแรกๆ หากโชคดีหน่อยอาจเป็นเพียง 1-2 วันก็หาย หรือปวดตลอดช่วงเวลามีประจำเดือนเลยก็มี
 บางคนยังมีอาการเกี่ยวเนื่องด้วย เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ ท้องผูก ท้องร่วง บางครั้งอาจถึงกับอาเจียนได้ ตัวการสำคัญคือเจ้าฮอร์โมน Prostaglandins เป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ผลิตโดยเซลล์ในเยื่อบุมดลูก Prostaglandins นี้จะเป็นตัวที่คอยควบคุมและกระตุ้นมดลูกให้หดเกร็งระหว่างที่กำลังมีประจำเดือน หรือระหว่างคลอดบุตร การหดเกร็งของมดลูกทำให้เราเจ็บปวด และขณะที่กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวจะกดเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เนื้อเยื่อได้รับเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ จึงมีอาการปวดมากขึ้น อาการปวดประจำเดือนแบบนี้มี 2 ระดับเช่นกันคือ
 การปวดระดับปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea)
 อาการปวดที่เกิดจากการหดเกร็งตัวของมดลูก ปวดไม่มากแต่ชวนหงุดหงิด รำคาญตัว โดยฮอร์โมน Prostaglandins เป็นเหตุ ไม่มีสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ แพทย์ว่าปวดเช่นนี้ถือเป็นปกติ ยกเว้นรายที่มีอาการปวดมากๆ อาจต้องให้ยาบรรเทาปวดช่วยด้วย
 การปวดระดับทุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea)
 อาการปวดอีกระดับหนึ่งที่มักจะรุนแรงกว่าแบบแรก ซึ่งมักมีสาเหตุจากความผิดปกติทางสูตินรีเวชบางอย่าง เช่น
 - เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือ Endometriosis (เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด)
 - ปีกมดลูกอักเสบ
 - เนื้องอกในมดลูก
 - คอมดลูกแคบ ทำให้เลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวก
 ส่วนการใช้อุปกรณ์คุมกำเนิด เช่น ห่วงคุมกำเนิด (IUDs) ก็มีผลทำให้เกิดการปวดท้อง และมีเลือดไหลมากผิดปกติได้
 โดยปกติ สาวรุ่นๆ มักจะปวดประจำเดือนกันมากกว่าผู้ใหญ่ อาการปวดท้องจะค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อสูงวัยขึ้น ดังนั้นหากคุณปวดท้องมากๆ จนทนแทบไม่ได้เกือบทุกเดือน หรือยังคงปวดเสมอแม้เมื่ออายุมากขึ้นแล้วก็ตาม อย่านิ่งนอนใจ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ให้ตรวจวินิจฉัยเผื่อว่าอาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นนะครับ
 บทความนี้นำมาจาก http://www.DoctorSan.com
 
 | 
 |  |  
                                                           |  |   
                  |  |   
                  |  |   
                  |  |  |  | 
  
|  | 
 pop! - อ่านมากกว่า   5,000   ครั้ง     cool! - อ่านมากกว่า   10,000   ครั้ง     Too Hot! - อ่านมากกว่า   30,000   ครั้ง