ในงานเลี้ยงช่วงเย็น ที่ โรงแรม โลตัส ปางสวนแก้ว ช่วงเวลาประมาณ สี่ทุ่มเศษได้ฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาว ผมเลยถือโอกาสช่วงนี้หลบ ลงมาที่ลอบบี้ของโรงแรมซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่ คับคั่งไปด้วยผู้คนชาวต่างชาตินับร้อย สถานที่ตกแต่ง ด้วยไม้สัก ศิลปะล้านนา สลับกับ เฟอร์นิเจอร์แบบ ตะวันตก ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ท่ามกลางเสียงเพลงยุค 70s ขับกล่อมโดยนักร้องสาวหน้าแฉล้ม ผมเองก็พอจะคลอเพลงตามได้บ้างเป็นช่วงๆ ไม่รู้มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นในบันดล ผมหยิบแผ่นกระดาษเล็กๆ ขึ้นมาเขียน ว่า For The Good Times สไตล์ เอลวิส ส่งขึ้นไปให้บนเวที ทั้งที่เพลงนี้คนร้องเป็นผู้ชาย มีหลายคนที่ขับร้องไว้ได้ไพเราะจับใจมาก ตามสไตล์ของแต่ละคน สักพักใหญ่เสียงเปียโนก็กระหึ่มขึ้นแล้วนักร้องสาวก็ขึ้นต้นเสียงเพลง.....Don't look so sad ....... ผมจับจ้องพร้อมกับ ฮึมฮัมตามตลอด พอมาถึงช่วง วรรคทองของเพลง ผมก็จะ ร้องเสียงดังจนออกนอกหน้า ฝรั่งโต๊ะข้างๆ หันมาปรบมือ ยกนิ้ว แล้วส่งยิ้มให้ผม ....Lay your head Upon my pillow Hold your warm and tender body Close to mine.... ผมว่ามันน่าแปลกมากเลย ไม่ว่าชาติภาษาใด การสื่อความหมาย ในเนื้อเพลง บทกลอน บทกวี ที่พูดถึงความรัก ความอบอุ่น มันไม่ต่างกันเลย มักจะมี วลี ที่คล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อ้อมกอด เสียงกระซิบ ซุกหมอน นอนตัก อิงแอบ แนบชิด ซบหน้า จังหวะหัวใจ (Heart Beat) สายลม สองเรา... ฟังแล้วเคลิบเคลิ้ม ได้อารมณ์ และความรู้สึกดีๆ วันนี้ผมเอาความรู้สึกดีๆที่ว่านั้นมาแบ่งปันครับ