ลิ้นกับฟัน (4.33/3)
|
|
|
คนเราอยู่ด้วยกันถ้าไม่ทะเลาะนั้นก็คงจะยากเต็มที ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันก็มีจังหวะที่ทบกันบ้าง เช่นเดียวกับคนที่อยู่ด้วยกันก็ต้องมีอะไรที่ขัดใจกันบ้าง ต้องมีอะไรที่ไม่พอใจกันบ้าง สำคัญอยู่ที่ตรงที่ว่าถ้าอีกฝ่ายหนึ่งร้อนอีกฝ่ายหนึ่งต้องเย็น ถ้าฝ่ายหนึ่งดังอีกฝ่ายหนึ่งต้องเงียบ ถ้าต่างคนต่างร้อนเข้าหากันในที่สุดก็คงจะต้องทะเลาะกันบ้างแตกสาแหรกขาด หรือถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเสียงดังอีกฝ่ายหนึ่งก็ดังขึ้นมาด้วยก็คงจะช่วยกันเปล่งเสียงเพื่อแข่งเดซิเบล ว่าของใครจะสูงกว่ากัน ในที่สุดก็กลายเป็นการแตกแยกกัน วิธีการที่จะครองเรือน กันให้ดีนั้นก็คือ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งดังอีกฝ่ายหนึ่งก็ควรจะเงียบและถ้าทะเลาะกันให้ถือหลักว่าให้ทะเลาะกันด้วยเสียงกระซิบ จะทำให้อีกคนหนึ่งซึ่งกำลังตะโกนนั้นจะรู้สึกว่าเป็นบ้าอยู่คนเดียวที่ตะโกน
ดังๆ ในที่สุดนั้นเสียงของเขาที่ดังก็จะค่อยๆ แผ่วลงมาเรื่อยๆ เป็นเสียงกระซิบเท่ากับเสียงของเรา ดังนั้นความเงียบเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การทะเลาะของเรานั้นไม่รุนแรง คำว่า Styles ในภาษาอังกฤษนั้นถ้าจะแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายน่าจะแปลว่า มาด คนเรานั้นจะทำอะไรต้องมีมาด ยืนให้เหมาะ นั่งให้เหมาะ เดินให้เหมาะ อย่ายืนหลังค่อมถ่วงน้ำหนักขาให้ดี อย่านั่งหลังค่อมอย่านั่งเหมือนคนขี้เกียจที่ทอดหุ่ยสบายเกินควร เวลาเดินนั้นต้องระวังกิริยามารยาทอย่าเดิน แล้วดูไม่งามเพราะจะทำให้หมดความสง่า คำพูดว่า มาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง นั้นไม่ได้ใช้เพื่อความสำเร็จของตัวเองเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อที่จะประคองรักให้ยืนยงด้วย เพราะคนที่ไปไหนอย่างมีมาดนั้นย่อมทำให้คนที่ไปด้วยสบายใจและภูมิใจ แต่ถ้าเกิดเราไปไหนอย่างไร้มาดก็จะทำให้คนที่ไปด้วยนั้นหมดความสง่างามไปด้วย ลองคิดดูก็แล้วกันว่าถ้าคนที่เราเค้าเป็นคนที่ใส่ใจความสง่างามของตนเอง และเขาต้องเดินเคียงคู่หยองกรอดดูหงอกว่าคนอื่น ดูไร้มาด เขาก็จะรู้สึกว่าราศีของเขานั้นก็จะดูเสียไปด้วยจากกิริยาท่าทางอันไร้มาดของเรา ดังนั้นจงฝึกตังเองให้เป็นคนมีมาดเอาไว้เถิด | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pop! - อ่านมากกว่า 5,000 ครั้ง cool! - อ่านมากกว่า 10,000 ครั้ง Too Hot! - อ่านมากกว่า 30,000 ครั้ง