การเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลง (4.5/4)
|
|
|
อันว่ามนุษย์นั้น ไม่มีใครหลีกหนีพ้นการเรียนรู้ คำว่าการเรียนรู้ในความหมายของการศึกษาแปลว่า การเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนั้นคนเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมื่อเราอยู่ด้วยกันเราจะต้องเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวเราในระดับหนึ่งซึ่งมันหมายถึงการปรับตัวและเมื่อเราอยู่ด้วยกันเรามีโอกาสจะทำอะไรที่ผิดพลาด การที่ทำอะไรผิดพลาดไปนั้นต้องถือว่าเป็นบทเรียน และคนที่ได้รับบทเรียนและยอมรับความผิดพลาดของตัวเองนั้น สามารถแสดงออกได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ถ้าหากแม้ว่าเรานั้นยังคงยืนหยัดมีพฤติกรรมเดิมเราก็คือคนดื้อหรือถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เรานั้นเป็นคนไม่เคยเรียนรู้จากบทเรียนที่ทำมา การที่เราทำผิดซ้ำซากนั้น ต้องเข้าใจว่าคนที่เรารักนั้นก็มีขอบเขตจำกัดของการให้อภัย คนเรานั้นมีความอดทนที่จำกัด เมื่อทำผิดซ้ำบ่อยๆ โดยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น ย่อมทำให้คนที่เรารักหมดความอดทน และไม่อาจจะให้อภัยเราต่อไป ถึงเวลานั้นความรักก็ขาดสะบั้นและไม่อาจจะอยู่ด้วยกันต่อไป พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีปากเดียว แต่มี 2 หูซึ่งคงเป็นประสงค์ของพระองค์ที่อยากให้เรานั้นฟังมากกว่าพูด จริงอยู่ในการอยู่ด้วยกันนั้นเราต้องการอะไรเราต้องพูด ถึงเวลาที่เราต้องทำอะไรเราต้องอธิบายแต่ถึงเวลาที่คนที่เรารักจะเป็นฝ่ายพูดบ้างแสดงความต้องการของเขาบ้างแสดงเหตุผลของเขาบ้าง เราก็ต้องฟังเช่นเดียวกัน ซึ่งการฟังมีอยู่หลายแบบคือการได้ฟังด้วยหูคงจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจกันดีเพราะหูเป็นอวัยวะที่กำหนดเอาไว้ให้ฟังอยู่แล้ว ส่วนฟังด้วยตานั้นก็หมายความว่าขณะที่เราฟังเราจะต้องมองหน้าคนที่พูดอย่ามองหน้าหนีไปทางอื่น เหมือนคนไม่ยี่หระหรือไม่แยแสส่วนการฟังด้วยสมองนั้นเราจะต้องคิดตามไปด้วย ไม่ใช่พอเขาพูดจบแล้วเราก็ถามว่าเมื่อกี้พูดว่าอะไร หมายความว่าอย่างไร แสดงว่าที่เขาพูดไปนั้นเราไม่ได้คิดตามเลย ส่วยการฟังด้วยใจนั้นเราต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราจะต้องยืนอยู่ในมุมของเขามองจากมุมของเขาเพื่อให้เข้าใจว่า ทำไมเขาจึงพูดเช่นนั้น ทำไมเขาจึงอธิบายเช่นนั้น ทำไมเขาจึงให้เหตุผลเช่นนั้น เพราะหากเราไม่ฟังด้วยใจเราเอาแต่หูฟังเท่านั้นเราจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนรักของเราจึงได้พูดดังกล่าว จึงได้อธิบายดังกล่าว จึงได้ให้เหตุผลดังกล่าวนอกจากนั้นแล้วศิลปะในการฟังอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องฟังอย่างมีส่วนร่วมนั่นก็คือขณะที่ฟังไปอาจจะต้องมีการพยักหน้าบ้าง อาจจะต้องมีการขานรับหรือสงสัยขึ้นมาบ้าง คำว่า นะคะ นะครับ อ้อ อ๋อ อีฮี อื้อหือ อย่างนั้นเหรอ เป็นข้อความที่อาจจะต้องใช้ในขณะที่เรากำลังฟัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรานั้นติดตามข้อความที่เขาพูดมาโดยตลอด เป็นการแสดงให้คนรักเห็นว่าเรานั้นมีความสนใจและมีความตั้งใจฟังข้อความที่เขาพูดถึงเราอย่างแท้จริง อย่าลืมว่าการอยู่ด้วยกันต้องฟังซึ่งกันและกัน จะเอาแต่พูดข้างเดียวแต่ไม่ยอมฟังอีกข้างหนึ่งนั้นคงจะไม่ดีแน่ | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pop! - อ่านมากกว่า 5,000 ครั้ง cool! - อ่านมากกว่า 10,000 ครั้ง Too Hot! - อ่านมากกว่า 30,000 ครั้ง